ข้าพเจ้าขอขอบคุณผู้ถือหุ้น ลูกค้า พันธมิตรทางการค้า หน่วยงานต่างๆ และผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วนที่ได้ให้การสนับสนุนกิจการของกลุ่มบริษัท บีเจซี เป็นอย่างดี

นายเจริญ สิริวัฒนภักดี
ประธานกรรมการ

เรียน ท่านผู้ถือหุ้น

กว่า 141 ปี ของการดำเนินธุรกิจที่ผ่านมา บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) (บีเจซี) บริษัทชั้นนำในอาเซียนที่ประกอบธุรกิจบรรจุภัณฑ์, ธุรกิจอุปโภคบริโภค, ธุรกิจเวชภัณฑ์ และธุรกิจค้าปลีกสมัยใหม่ มุ่งมั่นสู่ความเป็นเลิศในการพัฒนาการผลิตสินค้าและบริการที่เปี่ยมด้วยคุณภาพตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำและเป็นผู้นำในการจัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคที่ใช้ในชีวิตประจำวันอย่างครบวงจร เราขับเคลื่อนองค์กรท่ามกลางความท้าทายของเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมในปัจจุบันที่มีความซับซ้อน ซึ่งทุกประเด็นมีความเกี่ยวโยงและส่งผลกระทบต่อกันอย่างมีนัยสำคัญ

ในปี 2566 เป็นอีกปีแห่งความท้าทายสำหรับการเติบโตที่สำคัญหลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 คลี่คลายลง จึงยังคงเป็นอีกปีที่ของภาคธุรกิจอุตสาหกรรมยังคงเผชิญโจทย์ท้าทายการเติบโต ท่ามกลางกระแสเศรษฐกิจโลกที่ยังคงต้องติดตาม การเตรียมพร้อมรับมือ และเร่งปรับตัวทั้งในด้านการลงทุนและการดำเนินกิจการ โดยบริษัทอาจมีการปรับรูปแบบเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและ การขนส่งสินค้า การลดการใช้พลังงานจากราคาที่มีแนวโน้มสูงขึ้น การ มาปรับเปลี่ยนธุรกิจขยายสาขาของร้านค้าปลีกและเพิ่มช่องทางขาย omni channel ควบคู่กันไปสอดคล้องกับเทรนด์โลกยุคที่เป็น Technology Disruption และมีการคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาลมากขึ้น เช่น การใช้รถ EV ไฟฟ้าทดแทนรถยนต์ใช้น้ำมันในการขนส่งกระจายสินค้า การใช้ไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ เป็นปัจจัยช่วยลดผลกระทบในช่วงเวลานี้ได้และสานต่อให้ธุรกิจเติบโตต่อไป โดยเฉพาะในช่วงปลายปี 2566 ที่ผ่านมา ส่งผลให้ในปี 2566 บริษัทมีรายได้จำนวน 154,672 ล้านบาท เพิ่มขึ้นคิดเป็นร้อยละ 2.9 จากปีก่อน จากการเพิ่มขึ้นของยอดขายกลุ่มสินค้าและบริการทางบรรจุภัณฑ์ เวชภัณฑ์และเทคนิค และค้าปลีกสมัยใหม่จากจำนวนนักท่องเที่ยวที่กลับมาเพิ่มขึ้นและการขยายสาขามากขึ้น อย่างไรก็ตาม บริษัทยังทำกำไรสุทธิได้ต่อเนื่อง โดยมีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัท จำนวน 4,795 ล้านบาท หรือลดลงเล็กน้อยจากปี 2565 คิดเป็นที่ร้อยละ 4.3 จากต้นทุนที่เพิ่มขึ้นตามยอดขาย นอกจากนี้ อย่างไรก็ตามเราจัดทำจากโครงการเพิ่มประสิทธิภาพลดต้นทุนต่างๆ ที่ได้ทำไปส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวเพิ่มขึ้นดีขึ้นในทุกกลุ่มสินค้าและบริการ

จากวิสัยทัศน์สู่การเป็นผู้นำในกลุ่มประเทศอาเซียน ปัจจุบัน บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ บีเจซี ได้ดำเนินงานอย่างครอบคลุมทั้งในประเทศและต่างประเทศ ได้แก่ ประเทศกัมพูชา ลาว เวียดนาม รวมถึงประเทศมาเลเซีย ฮ่องกง และจีน รวมถึงบริษัทมีศูนย์กระจายสินค้า ระบบโลจิสติกส์ที่ครอบคลุมทั่วภูมิภาค นอกจากนี้บริษัทยังมองหาตลาดใหม่ๆ ในการขยายธุรกิจทั้งทางด้านการค้า การลงทุน เพื่อให้ระบบนิเวศทางธุรกิจของบริษัทครอบคลุมตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ไปจนถึงปลายน้ำ และก้าวไปสู่เวทีการค้าในระดับโลก

ข้าพเจ้ามีความยินดีที่ได้เห็นการเติบโตและพัฒนาอย่างต่อเนื่องในการดำเนินธุรกิจของกลุ่มบริษัท บีเจซี ทุกกลุ่มธุรกิจ อาทิ กลุ่มสินค้าและบริการทางอุปโภคบริโภค ที่ยังคงนำเสนอสินค้าใหม่ๆอย่างต่อเนื่อง กลุ่มสินค้าและบริการทางเวชภัณฑ์ ซึ่งวันนี้ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับสุขภาพ ความงาม มีการเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด ตลอดจนระบบวินิจฉัย เครื่องมือและวัสดุทางการแพทย์ให้บริการดูแลสุขภาพคนไทยทั่วประเทศ รวมถึงกลุ่มสินค้าและบริการทางบรรจุภัณฑ์ ที่บรรจุภัณฑ์แก้วและกระป๋องที่มีความหลากหลายมากขึ้น ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในปัจจุบัน และกลุ่มสินค้าและบริการทางการค้าปลีกสมัยใหม่ โดยในปี 2566 ที่ผ่านมา มีการขยายสาขาทุกฟอร์แมทเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องมากกว่า 5,552 สาขา ทั้งในและต่างประเทศ โดยบริษัทรุกเข้าสู่ตลาดค้าปลีกฮ่องกงอย่างแข็งแกร่ง ปัจจุบันมีบิ๊กซี ฮ่องกง กว่า 25 สาขา (รวมสาขาป๊อปอัพ 1 สาขา) นอกจากนี้ บริษัทได้มีเน้นการขยายและปรับโฉมใหม่ของร้านค้าไฮเปอร์มาร์เก็ต Big C Place ซึ่งมีแนวคิดในรูปแบบร้านค้าขนาดใหญ่รูปแบบใหม่เพื่อที่จะนำเสนอภาพลักษณ์ที่ทันสมัยมีผู้เช่าที่หลากหลาย พร้อมพื้นที่อเนกประสงค์และพื้นที่จับจ่ายใช้สอยเพื่อดึงดูดลูกค้าคนรุ่นใหม่มาที่ร้านค้าบิ๊กซี โดยในปี 2566 บริษัทมี Big C Place อยู่ 6 สาขา และตั้งเป้าหมายจะขยายสาขาเพิ่มเติมในปี 2567 รวมไปถึงการขยายสาขาบิ๊กซีมินิ อย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าหมายเปิดสาขาเพิ่มอีก 200 สาขา ในปี 2567 ยิ่งกว่านั้น บริษัทได้ตั้งเป้าปรับโฉมใหม่บิ๊กซี ไฮเปอร์มาร์เก็ต กว่า 18 สาขา เพื่อเพิ่มประสบการณ์การช้อปปิ้งให้กับลูกค้าทุกกลุ่ม นอกจากนี้ บริษัทยังมีอีกหนึ่งแพลตฟอร์มที่สำคัญ คือ ร้านค้าโดนใจ ที่ได้ขยายเครือข่ายทั่วประเทศไทยจนมีจำนวนกว่า 6,350 สาขา โดยมีจุดหมายที่สำคัญคือ การพัฒนาร้านค้าโชห่วยให้เติบโตขึ้น มีรูปแบบที่ทันสมัยพร้อมด้วยระบบข้อมูลที่ช่วยพัฒนาการขาย ในขณะที่พาร์ทเนอร์โดนใจยังคงครองความเป็นเจ้าของร้านค้าเดิมอยู่ ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดในการพัฒนาธุรกิจพร้อมสร้างการเติบโตไปด้วยกันอย่างยั่งยืน

กลุ่มบริษัทบีเจซี เดินหน้าเสริมความแข็งแกร่งเพื่อมุ่งสู่การเป็นผู้นำในระดับภูมิภาคด้วยการเป็นแกนกลางในการสร้างระบบนิเวศทางธุรกิจให้เกิดความสัมพันธ์ มุ่งมั่นและตั้งใจในการพัฒนาธุรกิจโดยบูรณาการนำเอาความยั่งยืนเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนธุรกิจบนกรอบพื้นฐานการเป็นองค์กรที่ยึดหลักธรรมาภิบาล สร้างธุรกิจด้วยความซื่อสัตย์ โปร่งใส และใส่ใจต่อบริบทของสังคมและสิ่งแวดล้อมเพื่อร่วมสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืน

สำหรับมิติความยั่งยืนที่วันนี้กลายเป็นบทบาทสำคัญที่ทุกฝ่ายต้องช่วยกัน โดยกลุ่มบริษัทบีเจซี เราได้กำหนดเสาหลักในการมุ่งสร้างความยั่งยืนผ่านแนวคิด “B.J.C.” ซึ่งประกอบไปด้วย Better Living, Joint Success, Caring for Community หรือเพื่อร่วมกันสร้างชีวิตที่ดีผ่านสินค้าและบริการที่หลากหลาย โดยมุ่งสู่ความสำเร็จและเติบโตไปด้วยกันจากทุกภาคส่วนบนกรอบพื้นฐานความสมดุลในมิติของสังคมและสิ่งแวดล้อม พร้อมกันนี้บริษัทได้นำเอาแนวคิด ESG หรือ การทําธุรกิจที่คำนึงถึงความรับผิดชอบ 3 ด้านหลัก คือ สิ่งแวดล้อม สังคม การกำกับดูแลกิจการที่ดีมาเป็นรากฐานในการดำเนินธุรกิจ ควบคู่ไปกับการปฏิบัติตามเป้าหมายความยั่งยืนของสหประชาชาติ (UNSDGs) และ UN Global Compact (UNGC) ซึ่งทั้งหมดนี้เราเชื่อมั่นว่าจะเป็นรากแก้วที่แข็งแรงให้ต้นไม้ใหญ่ บีเจซี ต้นนี้เติบโตต่อไปอย่างมีคุณค่าและสร้างร่มเงาเพื่อสร้างประโยชน์ให้กับทุกภาคส่วนครอบคลุมทั้งระบบนิเวศทางธุรกิจ

ข้าพเจ้าขอขอบคุณผู้ถือหุ้น ลูกค้า พันธมิตรทางการค้า หน่วยงานต่างๆ และผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วนที่ได้ให้การสนับสนุนกิจการของกลุ่มบริษัท บีเจซี เป็นอย่างดี และที่สำคัญขอขอบคุณคณะผู้บริหารรวมถึงพนักงานทุกท่านที่เป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาธุรกิจและสร้างสรรค์สิ่งที่ดีที่สุดส่งมอบให้กับผู้บริโภค ซึ่งก้าวเดินต่อจากนี้เราทุกคนพร้อมร่วมมือ ร่วมใจ และรวมพลังอย่างเต็มความสามารถเพื่อสานต่อวิสัยทัศน์ ทิศทางนโยบาย และบรรลุเป้าหมายที่วางไว้ร่วมกัน เพื่อก้าวสู่ปีที่ 142 ปี อย่างยั่งยืน

นายเจริญ สิริวัฒนภักดี
ประธานกรรมการ